
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สำนัก 3) ร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเวที “Healthy Community x AI: พลังปัญญาประดิษฐ์เพื่อคุณภาพชีวิตและความยั่งยืน Hackathon” วันที่ 7-18 พฤศจิกายน 2568 ณ ห้องแกรนด์คอนเวนชั่น ชั้น 6 อาคารทีเคแกรนด์คอนเวนชั่น โรงแรมทีเค พาเลซ กรุงเทพมหานคร
โดยมีผู้เข้าร่วมจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กว่า 20 แห่งทั่วประเทศ พร้อมด้วยเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ ภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม ร่วมขับเคลื่อนการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ยกระดับสุขภาวะของประชาชนในระดับพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม
เวทีลงมือทำจริง สร้างนวัตกรรม AI เพื่อชุมชน ✨ศาสตราจารย์ นายแพทย์เอกสิทธิ ธราวิจิตรกุล ผู้ช่วยอธิการบดีด้านการบริหารงานวิจัย ผู้แทนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาระบบนิเวศสุขภาวะชุมชนในยุคดิจิทัล จึงได้ริเริ่มเวทีปฏิบัติการครั้งนี้ภายใต้โครงการสนับสนุนวิชาการในการพัฒนาระบบดิจิทัลเพื่อการสร้างเสริมสุขภาวะชุมชน หน่วยวิจัยและพัฒนาสนับสนุนการจัดการโดยชุมชนท้องถิ่น (นวจช.) คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนา ‘ระบบนิเวศสุขภาวะชุมชนอัจฉริยะ (Smart Healthy Community Ecosystem)'”
“เวที Hackathon ในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นเวทีแห่งการแข่งขันเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้และความร่วมมือของผู้ปฏิบัติงานท้องถิ่นจากทั่วประเทศ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี และนักวิชาการจากหลายสาขา ที่มาร่วมกันคิดค้นแนวทางใหม่เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ด้วยนวัตกรรมที่เหมาะสมกับบริบทของแต่ละพื้นที่ และสามารถขยายผลสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน” ศาสตราจารย์ นายแพทย์เอกสิทธิ กล่าวเสริม
ผศ.ดร. พจนา พิชิตปัจจา อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หัวหน้าโครงการสนับสนุนวิชาการในการพัฒนาระบบดิจิทัลเพื่อการสร้างเสริมสุขภาวะชุมชน กล่าวว่า “ งานครั้งนี้มี อปท.ตัวแทน 20 แห่ง จากเครือข่าย อปท. 50 แห่งทั่วประเทศที่เข้าร่วมโครงการฯ พัฒนาต้นแบบนวัตกรรมที่ใช้ AI นวัตกรรมและ นำเสนอผลงาน พร้อมด้วยเครือข่าย นักดิจิทัลกว่า 250 คน ที่ผ่านการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลในการทำงานใและมีผลงานแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อการจัดบริการสาธารณะหลากหลายรูปแบบ
การจัดงาน Hackathon มุ่ง ยกระดับศักยภาพบุคลากรท้องถิ่น ให้สามารถใช้ AI และข้อมูลเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาบริการสาธารณะ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น พร้อมสร้างเครือข่ายนักดิจิทัลเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
เวทีนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมความเข้มแข็งให้กับระบบนิเวศสุขภาวะชุมชนอัจฉริยะ และสนับสนุนการพัฒนาท้องถิ่นไทยสู่ยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง”
ปาฐกถาพิเศษและกิจกรรมสร้างสรรค์
ภายในงานได้รับเกียรติจาก นายสมพร ใช้บางยาง ประธานเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “พลังปัญญาประดิษฐ์เพื่อคุณภาพชีวิตและการพัฒนาที่ยั่งยืน” พร้อมด้วยการบรรยายพิเศษจากผู้เชี่ยวชาญด้าน AI โดย คุณวงศกร ธนูถนัด เจ้าของเพจ “หัวหน้าแบงค์ Full Funnel”
กิจกรรมประกอบด้วย การแข่งขัน Hackathon พัฒนาต้นแบบการบริหารจัดการท้องถิ่นด้วยข้อมูลและเทคโนโลยีสมัยใหม่ การนำเสนอผลงานต่อคณะกรรมการ (Pitching Round) และเวที Learning & Sharing เพื่อให้ผู้ทรงคุณวุฒิช่วยปรับปรุงแนวคิด นำสู่การจัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนพัฒนาต้นแบบในพื้นที่จริง
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สำนัก 3) ดร.นพ.พิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ ประธานกรรมการบริหารแผน คณะที่ 3 สสส. คาดหวังผลลัพธ์ที่สำคัญจากโครงการนี้ 3 ประการ คือ
1. พัฒนาศักยภาพบุคลากรท้องถิ่น – ผู้เข้าร่วมจะมีความรู้และทักษะในการประยุกต์ใช้ AI เพิ่มขึ้น สามารถวิเคราะห์ข้อมูล ออกแบบระบบ และพัฒนานวัตกรรมบริการสาธารณะได้อย่างเหมาะสมกับพื้นที่
2. สร้างเครือข่ายนวัตกรรมเพื่อสุขภาวะชุมชน – เกิดความร่วมมือระหว่าง อปท. ภาคการศึกษา ผู้เชี่ยวชาญ และภาคีท้องถิ่น เพื่อขับเคลื่อน “ระบบนิเวศสุขภาวะชุมชนอัจฉริยะ” อย่างต่อเนื่อง
3. เกิดต้นแบบ AI ที่นำไปใช้ได้จริง – จากกระบวนการ Hackathon จะได้แนวคิดและต้นแบบที่สามารถทดลองใช้ในพื้นที่ และขยายผลไปสู่ อปท. อื่นทั่วประเทศในอนาคต
ดร.นิสา รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการสำนัก 3 สสส. กล่าวว่า “การจัดงานครั้งนี้ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างฐานความรู้และเวทีลงมือทำจริง เพื่อผลักดันให้เทคโนโลยีทันสมัยกลายเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน สะท้อนพลังของความร่วมมือภาคีเครือข่ายที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรม และขับเคลื่อน “ระบบนิเวศสุขภาวะชุมชนอัจฉริยะ (Smart Healthy Community Ecosystem)” อย่างยั่งยืน เพื่อให้ทุกชุมชนท้องถิ่นสามารถเข้าถึงบริการสาธารณะที่มีคุณภาพ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในยุคดิจิทัล”






















